เรื่องแต่งเกี่ยวกับแรงจูงใจในการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับทุกประเทศ ถามตอบกับคาร์ลอส คอร์เรีย 09/08/2018 by Intellectual Property Watch, Intellectual Property Watch Leave a Comment Share this:Click to share on Twitter (Opens in new window)Click to share on LinkedIn (Opens in new window)Click to share on Facebook (Opens in new window)Click to email this to a friend (Opens in new window)Click to print (Opens in new window)[View the original English version here.] ดร.คาร์ลอส มาเรีย คอร์เรีย นักเศรษฐศาสตร์และนักกฎหมายชาวอาร์เจนตินาผู้มีชื่อเสียงทั่วโลกในความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญา สาธารณสุข การถ่ายทอดเทคโนโลยี นโยบายการลงทุนและโดยเฉพาะผลกระทบของปัจจัยเหล่านี้ต่อประเทศกำลังพัฒนา ปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสหวิชาด้านกฎหมายทรัพย์สินทางอตุสาหกรรมและเศรษฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และได้เป็นผู้อำนวยการบริหารของสำนักเลขาธิการของ South Centre ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเจนีวาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2018 เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ให้สัมภาษณ์แก่พาทราเล็กคา แชทเทอร์จี เพื่อตีพิมพ์ใน Intellectual Property Watch [การสัมภาษณ์นี้เป็นหนึ่งในสองของรายงานการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์อีกครั้งคือกับดร.ออทโธมัน เมลลุค] Intellectual Property Watch (IPW) : เป็นที่เชื่อกันทั่วไปว่าการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวดจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆเพราะจะมีการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม แต่การคุ้มครองดังกล่าวจะให้ผลเหมือนๆกันในแต่ละประเทศที่มีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันเช่นนั้นหรือ คาร์ลอส คอร์เรีย คาร์ลอส คอร์เรีย : ผลของการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นอยู่กับบริบทแต่ละที่เหมือนเช่นนโยบายอื่นๆ การที่จะกล่าวว่าการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจะมีผลเหมือนกันแม้ประเทศนั้นๆจะมีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผล และพูดง่ายเกินไปจนไม่อาจรับฟังได้ทั้งในแง่ทฤษฎีและปฏิบัติ ยกตัวอย่างเช่น มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่มีต่อการสร้างนวัตกรรมจะมีผลไม่เหมือนกันในประเทศที่มีโครงสร้างอุตสาหกรรมที่หลากหลายและทันสมัย เทียบกับประเทศที่ยังต้องพึ่งการผลิตและค้าขายสินค้าอุปโภคและบริโภค IPW : จะมีสักกี่เรื่องที่โยงการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญากับการค้าและนวัตกรรมที่เป็นเรื่องจริง และสักเท่าไหร่ที่เป็นเรื่องแต่ง คอร์เรีย : การเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้แบบง่ายๆล้วนเป็น ‘เรื่องแต่ง’ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามิจำต้องทำให้เกิดนวัตกรรมหรือการค้ามากขึ้น แต่อาจส่งผลในทางตรงข้าม ยกตัวอย่างเช่นบริษัทของประเทศหนึ่งที่ยังเพิ่งเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีแต่ไม่สามารถเข้าถึงตลาดในบางประเทศ บริษัทเหล่านี้ก็เท่ากับถูกกันไม่ให้เรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีของตนให้สูงขึ้น การศึกษาทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วในปัจจุบันได้ประสบความก้าวหน้าทางอตุสาหกรรมก็ด้วยเคยไม่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาหรือคุ้มครองแบบยืดหยุ่นมาก่อน สหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ IPW : เราจะโต้แย้งเรื่้องแต่งเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญากับการค้าและการสร้างนวัตกรรมได้อย่างไร ด็อกเตอร์เห็นว่าองค์กรภาคประชาสังคมทั้งในระดับประเทศและสากลจะมีบทบาทได้อย่างไรในปัญหาเหล่านี้และในการคุ้มครองประโยชน์ด้านสาธารณสุขและสาธารณประโยชน์ คอร์เรีย : เราสามารถโต้แย้งเรื่องแต่งเหล่านี้อย่างมีหลักการด้วยรายงานการศึกษามากมายในประเด็นเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งรายงานการศึกษาประเด็นทั่วไป ที่ศึกษาในแต่ละอุตสาหกรรมหรือในแต่ละประเทศ การศึกษาที่ผ่านมาเน้นถึงสิทธิบัตรเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีการศึกษาทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นด้วย เราสามารถคุ้มครองสาธารณประโยชน์หากประเทศนั้นๆได้ประเมินความต้องการและนโยบายของตนอย่างเหมาะสม และสามารถทัดทานการเรียกร้อง (หรือแรงกดดัน) ให้คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น นโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเทศอัฟริกาใต้ประกาศใช้เมื่อไม่นานมานี้เป็นตัวอยางที่ดีของการออกนโยบายโดยคำนึงถึงสาธารณประโยชน์แทนที่จะยึดหลักการอย่างเข้มงวดเพียงอย่างเดียว IPW : ประเทศที่เริ่มมีบทบาททางเศรษฐกิจหลายประเทศอย่างเช่นอินเดีย ซึ่งพยายามที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศกำลังได้รับแรงกดดันอย่างมหาศาลให้ยอมรับข้ออ้างที่ว่าหากไม่มีระบบการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวด หรือ TRIPS plus แล้วละก็ ก็จะไม่มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ มันมีหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดนี้หรือไม่ คอร์เรีย : ไม่มีหลักฐานใดๆที่สนับสนุนแนวคิดนี้ แรงดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมาจากปัจจัยอื่นๆเป็นหลัก เช่น ขนาดของตลาดและการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมือง ระบบตุลาการที่น่าเชื่อถือ อินเดียได้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นที่ยอมรับในทางสากลตามที่กำหนดไว้ในความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights: TRIPS) มันไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเพิ่มหรือขยายการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ IPW : ประเทศที่เริ่มมีบทบาททางเศรษฐกิจอย่างเช่นอินเดียยังต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรม ในขณะเดียวกัน ก็มีประเด็นสาธารณประโยชน์อย่างเช่นความจำเป็นที่จะทำให้ยาไม่แพงเกินไปเพื่อให้ประชาชนยากจนจำนวนมากเข้าถึงยาได้ ภายใต้ความท้าทายเหล่านี้ เราจะสร้างสมดุลระหว่างการสร้างนวัตกรรมด้วยการให้การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญากับสาธารณประโยชน์ได้อย่างไร ด็อกเตอร์จะมีคำแนะนำอย่างไรสำหรับประเทศเหล่านี้ คอร์เรีย : ประเทศเหล่านี้ต้องคิดว่านโยบายของตนจะคำนึงถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างไร คำแนะนำของผมคือให้ศึกษาอย่างตรงไปตรงมาถึงสถานการณ์และโอกาสของแต่ละภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ และผลกระทบทางสังคมของทรัพย์สินทางปัญญา แล้วจึงนำผลการศึกษานั้นมากำหนดนโยบาย แน่นอนว่าความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPS) กำหนดข้อจำกัดบางประการ แต่ก็อาจลดผลกระทบได้ด้วยการใช้ความยืดหยุ่นใน TRIPS (TRIPS flexibilities) ซึ่งมีความสำคัญโดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ที่สำคัญเหมือนกันคือการยอมรับว่านโยบายที่ดีควรมีเป้าหมายส่งเสริมทั้งการสร้างนวัตกรรมและการที่ประชาชนจะได้ประโยชน์จากนวัตกรรมนั้น และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้ทำให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้นหรือดีขึ้นโดยปริยาย การเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีนั้นจำเป็นต่อความก้าวหน้าของสังคม Share this:Click to share on Twitter (Opens in new window)Click to share on LinkedIn (Opens in new window)Click to share on Facebook (Opens in new window)Click to email this to a friend (Opens in new window)Click to print (Opens in new window) Related Intellectual Property Watch may be reached at info@ip-watch.org."เรื่องแต่งเกี่ยวกับแรงจูงใจในการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับทุกประเทศ ถามตอบกับคาร์ลอส คอร์เรีย" by Intellectual Property Watch is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 4.0 International License.